การออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ
การออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ Backward Design
หลักการของ Backward Design
กระบวนการออกแบบแบบย้อนกลับ (Backward Design) ของ Wiggins และMcTighc เริ่มจากคิดทุกอย่างให้จบสิ้นสุด จากนั้นจึงเริ่มต้นจากปลายทางที่ผลผลิตที่ต้องการ (เป้าหมายหรือมาตรฐานการเรียนรู้) สิ่งนี้ได้มาจากหลักสูตร เป็นหลักฐานพยานแห่งการเรียนรู้ (Performances) ซึ่งเรียกว่า มาตรฐานการเรียนรู้ แล้วจึงวางแผนการเรียนการสอนในสิ่งที่จำเป็นให้กับนักเรียนเพื่อเป็นเครื่องมือที่นำไปสู่การสร้างผลงานหลักฐานแห่งการเรียนรู้นั้นได้
กระบวนการออกแบบการวางแผนของครูผู้สอนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่องกัน 3 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 การกำหนดเป้าหมายที่พึงประสงค์
ขั้นตอนที่ 2 การกำหนดหลักฐานที่แสดงว่าผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายที่พึงประสงค์
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนประสบการณ์การเรียนรู้และการสอน
แต่ละขั้นตอนประกอบด้วยคำถามที่ว่า
ขั้นตอนที่ 1 อะไรคือความเข้าใจที่ต้องการและมีคุณค่า
ขั้นตอนที่ 2 อะไรคือพยานหลักฐานของความเข้าใจ
ขั้นตอนที่ 3 ประสบการณ์การเรียนรู้และการสอนอะไรที่จะสนับสนุนทำให้เกิดความเข้าใจ ความสนใจ และความยอดเยี่ยมในหลักฐานนั้นๆ
ขั้นตอนที่ 1 : การกำหนดเป้าหมายที่พึงประสงค์ ( อะไรคือความเข้าใจที่ต้องการและมีคุณค่า )
การใช้หลักการออกแบบแบบย้อนกลับ อันดับแรกครูผู้สอนควรทำคือการให้ความสำคัญที่เป้าหมายการเรียนรู้ (Learning goals) หรือเป้าหมายของความเข้าใจ ความเข้าใจที่ว่านี้คือ ความเข้าใจที่ฝังใจอย่างยั่งยืน (Enduring Understanding) ที่ครูผู้สอนทุกคนต้องการให้นักเรียนของพวกเขาได้รับการพัฒนาไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ตามลำดับขั้นการเรียนรู้ บรรลุผลที่สำเร็จสมบูรณ์ที่สุด สิ่งนี้ก็เป็นจุดเน้นสำคัญที่จะขาดเสียมิได้ รวมทั้งแนวทางดำเนินการ, ชุดคำถาม ที่สำคัญด้วยเช่นกัน ความเข้าใจที่ฝังใจอย่างยั่งยืนมีระดับที่เหนือกว่าสูงกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ และทักษะต่างๆ ที่มุ่งไปสู่ความคิดรวบยอดใหญ่ๆ หลักการต่าง ๆ หรือกระบวนการต่าง ๆ
ตัวอย่าง ความเข้าใจที่ฝังใจอย่างยั่งยืนในตัวผู้เรียน และชุดคำถามที่สำคัญ หรือแนวทาง ชุดคำถาม ประกอบด้วย
เรามีวิธีการใดที่จะทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ได้เท่าทียมกัน ?
มีวิธีการใดที่จะดำเนินชีวิตให้มีสุขภาพอนามัยที่ดี ?
มีวิธีการใดที่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง ? จะดำรงชีวิตอย่างไรในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงWiggins and McTighe เสนอแนะให้ใช้เครื่องกรอง “Filters” เพื่อให้ได้มาซึ่งความเข้าใจคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปคือ
เป็นตัวแทนความคิดที่สำคัญ (big idea) มีคุณค่าฝังแน่นฝังใจมีระดับที่เหนือกว่าสูงกว่าในระดับชั้นเรียน
เป็นหัวใจที่สำคัญที่บรรจุลงลงในรายวิชา (ซึ่งมีผลต่อ “การลงมือทำ” ในเนื้อหาวิชา)
ต้องไม่จำกัดขอบเขต (เพราะว่ามันเป็นนามธรรมและทำให้เกิดความคิดที่เข้าใจผิดอยู่เป็นประจำ)
สนับสนุนความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวผู้เรียน
ขั้นตอนที่ 2 : การกำหนดหลักฐานที่แสดงว่าผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายที่พึงประสงค์ (อะไรคือหลักฐานพยานของความเข้าใจ )
ครูผู้สอนต้องตัดสินใจต่อไปว่า ความเข้าใจเหล่านี้ นักเรียนจะนำเสนอหรือสาธิต, แสดงออกให้เห็นได้อย่างไรว่านักเรียนได้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง Wiggins and Mctighe ได้ให้รายละเอียดของความเข้าใจ 6 ประการ (Six facets of understanding) โดยเชื่อว่านักเรียนจะมีความเข้าใจอย่างแท้จริง เมื่อนักเรียนสามารถ
อธิบายชี้แจงเหตุผล (can explain)
แปลความตีความ (can interpret)
ประยุกต์ (can apply)
มีเทคนิคการเขียนภาพที่เห็นด้วยตาจริง (have perspective)
สามารถหยั่งรู้มีความรู้สึกร่วม (can empathise)
มีองค์ความรู้เป็นของตนเอง (have self – knowledge)
ทั้ง 6 ด้านของความเข้าใจสามารถช่วยสนับสนุน ให้เกิดความเข้าใจตามธรรมชาติของความเข้าใจและมีหนทางหลากหลาย ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปเกี่ยวกับความเข้าใจ เพื่อความสมเหตุสมผลกับรูปแบบการเรียนรู้(Learning styles) นักเรียนจะนิยมชมชอบบางข้อเท็จจริง ในส่วนของกระบวนการวางแผนนี้ อะไรที่ทำให้ “backward design” แตกต่างจากกระบวนการวางแผนที่เคยปฏิบัติเป็นประเพณีมาตั้งแต่ดั้งเดิม ก่อนการวางแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเข้าใจต่าง ๆ คณะครูผู้สอนมีความจำเป็นต้องวางแผนเพื่อกำหนดแนวทางการประเมินผลขึ้นก่อน ในขณะเดียวกันก็เน้นถึงความสำคัญให้เกิดความชัดเจน ในการพัฒนาผลงาน / ภาระงานความสามารถ (Performance tasks) ด้วย Wiggins and Mctighe สนับสนุนความพอเหมาะที่ได้สัดส่วนของการใช้การประเมินผล ซึ่งเป็นการใช้การประเมินผลที่มากกว่าแบบดั้งเดิม อันประกอบด้วย การสังเกต การสอบย่อย การใช้แบบสอบประเภทต่างๆ เป็นต้นการกำหนดแนวทางเพื่อใช้คัดเลือกขอบเขตของการประเมินผล ผลงาน/ภาระงานต่าง ๆ และการแสดงความสามารถต่างๆ ต้อง
สนับสนุน ช่วยเหลือให้นักเรียนได้มีการพัฒนาความเข้าใจ (Developing understand)
ให้โอกาสกับนักเรียนได้นำเสนอ อธิบายถึงความสามารถในความเข้าใจผลงาน / ภาระงาน (tasks) ต้องมีการจำแนกแยกแยะและระดับของความแตกต่างหรือชั้นของความเข้าใจอีกด้วย
วิธีการ Backward Design กำหนดให้ครูคิดเหมือนนักประเมินผลครูจะเริ่มการวางแผนการเรียนรู้ด้วยการคิดถึงหลักฐานที่จะบ่งชี้ว่าผู้เรียนได้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ ด้วยวิธีการประเมินที่หลากหลายและต่อเนื่อง
ขอเน้นถึงความสำคัญ การประเมินผลเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ และควรจะมีอยู่ (มีการประเมินผลอยู่ตลอด) ตั้งแต่ต้น จนจบของลำดับขั้นตอน มิใช่นำมาใช้เมื่อจบหน่วยหรือจบรายวิชาเท่านั้น
ขั้นตอนที่ 3 : การวางแผนประสบการณ์การเรียนรู้และการสอน ( อะไรคือประสบการณ์การเรียนรู้และจะสอนอย่างไร )
เมื่อมีความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายการเรียนรู้และหลักฐานที่เป็นรูปธรรมแล้ว ผู้สอนสามารถเริ่มวางแผนการเรียนการสอนได้ โดยอาจตั้งคำถามดังต่อไปนี้
1. ความรู้และทักษะอะไรจะช่วยให้ผู้เรียนมีความสามารถตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. กิจกรรมอะไรจะช่วยพัฒนาผู้เรียนไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
3. สื่อการสอนอะไรจึงจะเหมาะสมสำหรับกิจกรรมการเรียนรู้ข้างต้น
4. การออกแบบโดยรวมสอดคล้องและลงตัวหรือไม่
โดยสรุปการออกแบบตามวิธีการ Backward Design จะมีประเด็นหลักดังนี้
ตารางสรุปประเด็นหลักในการออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ
ตารางสรุปประเด็นหลักในการออกแบบการเรียนรู้แบบย้อนกลับ
ประเด็นหลัก
|
ข้อคำนึงในการออกแบบ
|
เกณฑ์ในการกลั่นกรอง
|
ผลงานการออกแบบจะได้อะไร
|
ขั้นตอนที่ 1อะไรที่มีคุณค่าควรแก่การสร้าง ความเข้าใจ
|
- มาตรฐานชาติ
- มาตรฐานพื้นที่
- ประเด็นท้องถิ่น
- ความชำนาญและความสนใจของครู
|
- แนวคิดที่ผู้เรียนจะนำไปใช้ได้อย่างยั่งยืน
- โอกาสที่จะทำโครงงานตามสาระนั้น
- โอกาสที่จะเรียนรู้ในสภาพจริง
- ประเด็นที่ควรทำความเข้าใจเป็นพิเศษ
|
หน่วยการเรียนรู้ที่จะสร้างความเข้าใจที่ยั่งยืนและกระตุ้นให้คิดในประเด็นหลัก
|
ขั้นตอนที่ 2อะไรคือหลักฐานว่าได้เกิดความเข้าใจ ตามที่กำหนดไว้
|
- ความเข้าใจ ๖ ด้าน
- การประเมินผลที่ต่อเนื่องกันในหลากหลายรูปแบบ
|
- ความตรงประเด็น
- ความเที่ยงตรง
- ความเป็นไปได้
- ความพอเพียง
- สภาพความเป็นจริง
- เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน
|
หน่วยการเรียนที่คำนึงถึงหลักฐานของผลการเรียน ที่เน้นความเข้าใจและเป็นหลักฐานที่มีคุณภาพมาตรฐานตามหลักวิชา
|
ขั้นตอนที่ 3กิจกรรมการเรียนการสอนใด ที่จะสร้างเสริมความเข้าใจความสนใจ และความเป็นเลิศ
|
- ยุทธศาสตร์การเรียนการสอนที่วางอยู่บนพื้นฐานงานวิจัย - เนื้อหาสาระและทักษะที่จำเป็นและเอื้อต่อการเรียนอื่นๆ
|
วิธีการที่ใช้ชื่อย่อว่า WHERE
- Where จะไปสู่เป้าหมายอะไร
- Hook จะตรึงผู้เรียนได้อย่างไร
- Explore และ Equip จะช่วยผู้เรียนให้มีความพร้อมที่จะแสวงหาความรู้อย่างไร
- Rethink จะทบทวนอย่างไร
- Evaluate และ Exhibit จะประเมินผลและนำเสนอผลงานอย่างไร
|
|
หน่วยการเรียนรู้ที่ประกอบด้วยกิจกรรมการเรียนการสอน ที่สอดประสานกัน เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจ ความสนใจและความเป็นเลิศของผู้เรียน
|